Web Hosting (เว็บโฮสติ้ง) & Web Server (เว็บเซิฟเวอร์) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?

หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าเว็บไซต์ต่างๆ ที่เราใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น จำเป็นต้องอาศัย Web Server (เว็บเซิฟเวอร์) ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์จัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ และหากเป็นเจ้าของเว็บไซต์ก็จะต้องใช้ Web Hosting (เว็บโฮสติ้ง) ซึ่งเป็นบริการที่จะนำข้อมูลเว็บไซต์ของเราไปจัดเก็บไว้ในเซิฟเวอร์เพื่อให้คนอื่นๆ สามารถเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเราได้ โดยผ่านโดเมนเนม (Domain Name) เช่น www.abc12345.com (อ่านเพิ่มเติม…โดเมนเนม คืออะไร?)

Web Hosting (เว็บโฮสติ้ง) คืออะไร?

Web Hosting (เว็บโฮสติ้ง) คือ บริการพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ไว้บน Web Server (เว็บเซิฟเวอร์) กับผู้ให้บริการโฮสติ้ง (Hosting Service Provider) ซึ่งจะเปิดให้เช่าพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้านต่างๆ โดยคิดค่าบริการตามทรัพยากรที่จัดสรรให้

ถ้า Web Server มีพื้นที่ใช้งานมาก ก็จะสามารถเก็บข้อมูลเว็บไซต์ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะฐานข้อมูล ไฟล์ รูปภาพ เอกสาร อีเมลต่างๆ รวมถึงความสามารถในการรองรับผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าค่าบริการก็สูงตามเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์แต่ละแบบก็เหมาะกับบริการ Web Hosting ที่แตกต่างกันไป

ประเภทของบริการ Web Hosting

1. Shared Hosting

ผู้บริการโฮสติ้งนี้มักระบุมาว่าเว็บไซต์หนึ่งสามารถใช้พื้นที่ได้เท่าไหร่ เป็นการแบ่งพื้นที่เซิฟเวอร์มาให้เช่าโดยไม่สามารถรู้ว่าเราแชร์เซิฟเวอร์กับใครบ้างในเครื่องเซิฟเวอร์นั้น ข้อดีคือราไม่สูง ข้อเสียคืออาจจะโหลดช้ากว่าโฮสติ้งประเภทอื่น อีกทั้งเซิฟเวอร์มีโอกาสล่มได้ง่ายหากมีผู้ใช้ทรัพยากรของเครื่องหนักเกินไป จึงเป็นโฮสติ้งที่เหมาะกับเว็บไซต์ทั่วไป เช่น บล็อกหรือเว็บไซต์ข้อมูลบริษัท

2. VPS Hosting

VPS ย่อมากจาก Virtual Private Server เป็นเว็บโฮสติ้งที่ผู้บริการจะแบ่งพื้นที่ในเซิฟเวอร์แล้วติดตั้ง IP Address ให้แต่ละส่วน จากนั้นจึงเปิดให้เราใช้งานซอฟต์แวร์ผ่าน Remote Desktop Connection เรียกได้ว่าเหมือนมีเซิฟเวอร์ของตนเอง และหาก VPS ตัวใดตัวหนึ่งล่มก็จะไม่กับผู้ใช้งานอื่นๆ ที่แชร์ด้วยกัน จึงเหมาะกับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมสูง สามารถติดตั้งโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นเสริมได้

3. Dedicated Server

โฮสติ้งนี้เป็นแบบเหมาใช้ทั้งเซิฟเวอร์ ไม่แชร์กับผู้ใช้บริการรายอื่น มีความเร็ว ปลอดภัย และเสถียรในการใช้งานมาก สามารถนำเว็บไซต์ที่ดูแลหลายๆ เว็บไซต์มาใช้งานได้ เหมาะกับองค์ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่

4. Cloud Hosting

เป็นบริการที่คล้ายกับ Shared Hosting แต่ใช้เซิฟเวอร์หลายเครื่อง เมื่อเครื่องที่กำลังทำงานอยู่มีปัญหา ระบบก็จะย้ายไปยังเครื่องใหม่ทันที ทำให้เว็บไซต์ไม่ล่ม จึงเหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความน่าเชื่อเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็มีค่าบริการที่สูงกว่าโฮสติ้งอื่นๆ เช่นกัน

จะเห็นได้ว่าบริการ Web Hosting หลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ราคา การให้บริการเป็นอย่างไร รวมถึงภาษาของเว็บไซต์ที่เราใช้