Call To Action (CTA) คืออะไร? มีตัวอย่างและเทคนิคการใช้อย่างไร?

สำหรับผู้ที่ทำการตลาดบนเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ Call To Action (CTA) คงเป็นคำที่คุ้นหูไม่น้อย เพราะมีส่วนสำคัญในการทำตลาดอย่างมาก เนื่องจากช่วยกระตุ้นความสนใจจากผู้เข้าใช้เว็บไซต์ ให้มีส่วนร่วม สนใจในตัวสินค้าและบริการของเรา จนนำไปสู่การเป็นลูกค้าของเราในที่สุด

Call To Action คืออะไร?

Call To Action (CTA) คือปุ่ม หรือแบนเนอร์ หรือรูปภาพ หรือตัวอักษร ที่ช่วยกระตุ้นคนอ่าน Content ให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างที่เราต้องการ หรือเป็นตัวนำทางให้คนอ่านรู้ว่าควรทำอะไรต่อ เช่น สมัครสมาชิก ซื้อของ ทดลองใช้ จองเลย เป็นต้น

Call To Action เป็นส่วนสำคัญในการทำ Content Marketing เพราะจะช่วยเปลี่ยนผู้ใช้งานทั่วไปในเว็บไซต์ มาเป็นว่าที่ลูกค้า จากนั้นจึงกลายเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริง โดย Call To Action ที่ดี ต้องมีความชัดเจนและดึงดูดสายตา ไม่ว่าจะด้านภาพ หรือด้านการใช้คำ

ตัวอย่างคำที่เป็น Call To Action

Call To Action (CTA) มีการใช้คำที่หลากหลายและชัดเจนเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท

1. Learn More

ปุ่มสำหรับให้ลูกค้าคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเพิ่มเติม ข้อมูล รายละเอียดบริการ

• Read More
• Read More on The Website
• SEE HOW IT WORKS
• ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
• ดูข้อมูลเพิ่มเติม

2. Shop Now

ปุ่มที่กระตุ้นการสั่งซื้อโดยเฉพาะ มักพบในร้านขายของออนไลน์ เว็บไซต์ขายของออนไลน์ รวมถึงเฟซบุ๊ก

• Order Yours
• Add to Cart
• ช็อปเลย
• ช็อปตอนนี้
• หยิบใส่ตะกร้า

3. Sign Up

ปุ่มที่มีไว้สำหรับการสมัครสมาชิกโดยเฉพาะ นำไปสู่การใช้บริการหรือการเป็นลูกค้า เช่น เกม ธุรกิจบางประเภท

• Sign Up For Free
• SUBSCRIBE NOW
• สมัครเลย
• สมัครตอนนี้ รับเลยสิทธิพิเศษ
• สมัครเพื่อซื้อสินค้า
• สมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการ

4. Book Now

ปุ่มสำหรับให้กดจอง มักพบในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วรถ เป็นต้น

• จองเลย
• จองตอนนี้
• จองด่วน
• จองพร้อมรับส่วนลด

5. Download

เป็นปุ่มสำหรับกระตุ้นการดาวน์โหลดข้อมูล หรือไฟล์ หรือแอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมต่างๆ

• Download the app
• Download File
• Try It Free
• โหลดเลย
• ดาวน์โหลดฟรี
• ทดลองใช้ฟรี

เทคนิคการใช้ Call To Action

1. Copywriting (เทคนิคการเขียน)

คำบนปุ่มเป็นส่วนหนึ่งในการจูงใจให้ผู้ใช้งานคลิกเพื่อมีส่วนร่วม ดังนั้นจึงต้องเป็นคำที่ดึงดูดความสนใจ และไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกถูกบังคับหรือผูกมัด เช่น ซื้อสินค้า อาจจะห้วนไปหน่อยและดูไม่เป็นมิตร ก็อาจปรับเป็น ซื้อเลย, ช็อปเลย เป็นต้น

2. Content (เนื้อหาประกอบ)

สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือข้อมูลเบื้องต้นสำหรับสินค้าหรือบริการของเรา ส่วนใหญ่แล้ว Content ที่ดีมักมีเนื้อหาครบในตัวเองที่ทำให้ผู้อ่านทราบว่าต้องทำอะไรต่อ เช่น สั่งซื้อสินค้า ทดลองใช้สินค้า หรือดูข้อมูลเพิ่มเติม แต่ Call To Action จะเป็นตัวช่วยนำทางผู้อ่านได้ว่าควรทำอะไรต่อตรงไหนนั่นเอง

3. Design (เทคนิคการออกแบบ)

ตัวปุ่ม Call To Action อาจเป็นเพียงปุ่มที่มีตัวอักษร หรือรูปภาพก็ได้ แต่ต้องนำไปสู่การคลิก และมีลิงค์ที่เราต้องการให้ลูกค้าเข้าถึง โดยต้องมีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป มีพื้นที่ว่างโดยรอบพอเหมาะ และมีสีที่ง่ายต่อการมองเห็นหรือตัดกับสีพื้นหลังของเว็บไซต์

4. User Experience (การคำนึงถึงผู้ใช้งาน)

ควรมีความรู้เกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์บ้าง หรือนึกถึงตอนเราใช้เว็บไซต์เอง เช่น ปุ่ม Call To Action ควรจะอยู่กึ่งกลางหรือทางด้านบนของเว็บไซต์ เพราะมองเห็นง่าย และคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลื่อนลงมาจนถึงด้านล่าง หรืออาจจะมีป๊อบอัพขึ้นมาในหน้าเว็บไซต์มุมใดมุมหนึ่งก็ได้

จุดสำคัญของ Call To Action (CTA) คือการทำให้ลูกค้าทราบว่าทำไมต้องกดปุ่มนี้ และเมื่อกดแล้วจะได้อะไร เช่น สินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแบบที่กำลังต้องการ ถ้ากดปุ่มสั่งซื้อก็จะได้ซื้อสินค้าพร้อมส่วนลด เป็นต้น ดังนั้นเนื้อหาประกอบก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้ไปกว่า ข้อความบนปุ่ม และการทำ Call To Action ถือเป็นการตลาดแบบไม่ผูกมัด ลูกค้าจะรู้สึกสบายใจกว่าเพราะรู้สึกว่ามีตัวเลือกนั่นเอง